มีหน้าที่ แต่ไม่ทำงานตามหน้าที่ อาจถือเป็นการจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย // ไม่ระบุเหตุแห่งการเลิกจ้างเอามาอ้างสู้ค่าชดเชยไม่ได้
ฎีกาที่ ๓๕๖๑/๒๕๕๖
คดีนี้ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ค่าชดเชย พร้อมดอกเบี้ย
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยข้อแรกว่าการที่โจทก์ลบข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของจำเลยที่อยู่ในความรับผิดชอบของโจทก์เป็นการจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายหรือไม่ เห็นว่าโจทก์ทำงานในตำแหน่งนักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โจทก์ย่อมมีหน้าที่เก็บข้อมูลโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไว้ให้จำเลยส่งมอบให้แก่ลูกค้าที่จ้างจำเลยพัฒนา ในวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ผู้จัดการของจำเลยสั่งโจทก์ให้เก็บข้อมูลการพัฒนาโปรแกรมแสดงผลซึ่งครบกำหนดส่งมอบลูกค้าภายในวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๐ แต่ในวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๐ โจทก์ลบข้อมูลโปรแกรมดังกล่าว การกระทำเช่นนี้ของโจทก์ถือได้ว่าเป็นการจงใจฝ่าฝืนคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมของจำเลย แม้ปรากฏว่า จำเลยหาข้อมูลโปรแกรมดังกล่าวจากเครื่องคอมพิวเตอร์ในส่วนความรับผิดชอบของพนักงานอื่นและสามารถส่งมอบให้แก่ลูกค้าทันตามกำหนด โดยลูกค้าไม่ได้บอกเลิกสัญญาจ้างแก่จำเลยและจำเลยไม่ได้รับความเสียหายก็ตาม ก็ถือได้ว่าโจทก์จงใจทำให้จำเลยผู้เป็นนายจ้างได้รับความเสียหายแล้ว จำเลยจึงมีเหตุอันสมควรที่จะเลิกจ้างโจทก์ ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและพิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔๙ โดยไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๗ วรรคห้า ที่ใช้บังคับในขณะเกิดเหตุ และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๓ แต่ปรากฏว่าขณะเลิกจ้างโจทก์ จำเลยระบุข้อเท็จจริงเพียงว่าโจทก์ทำงานกับจำเลยลำบาก เนื่องจากโจทก์เกิดปัญหากับทีมงานตลอดเวลา ไม่ได้ระบุกรณีการกระทำความผิดโจทก์ดังข้างต้นแจ้งให้โจทก์ทราบ จำเลยจึงต้องห้ามมิให้ยกเหตุดังกล่าวขึ้นอ้างในภายหลังเพื่อไม่จ่ายค่าชดเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๗ วรรคสาม ที่ใช้บังคับขณะเกิดเหตุอุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง